เรื่องที่ควรถามคุณหมอก่อนตัดสินใจทำนม (Mentor vs Motiva)
อกเล็กเรื่องใหญ่ เลือกหมอที่ถูกใจยังไง?
ก่อนที่เราจะแก้ปัญหาหนักใจ (ที่ไม่มีอกให้หนัก) วุ่นวายระหว่าง Mentor หรือ Motiva เราควรตั้งสติและทำการบ้านมาพอสมควรก่อนไปพบหมอที่อยู่ใน Fianalist ของเรา แต่ละท่านจะมีเทคนิคและวิธีการให้คำแนะนำที่แตกต่างกันไป แต่อะไรที่จะให้เราเลือกคุณหมอที่ถูกใจได้หละงี้? ลองไปดูตัวอย่างคำถามเหล่านี้ เพื่ออกสวยที่ไม่ต้องหนักใจภายหลังจ้า
1.ชนิดของซิลิโคนที่แบบไหนที่เหมาะกับเรา?
ก่อนไปพบคุณหมอเราอาจจะมีในใจแล้วว่าเราอยากได้ทรงหยดน้ำเพราะดูเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่คุณหมอจะพิจารณาให้เราคือ ลักษณะทางกายภาพของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นความยืนหยุ่น หนา บาง ของผิวหนังโครงสร้าง และ ความปลอดภัย เราขอยกตัวอย่าง 2 แบรนด์ดังที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ละกัน
Mentor : ได้รับความนิยมมานาน และ แพร่หลายกว่า มีการเฝ้าดูผลข้างเคียงระยะยาวกว่า ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ ตามมาตราฐานของอเมริกา
- ทรงกลม : ดูสวยงามแล้วแต่รสนิยมคนชอบ มีความปลอดภัยระยะยาวในมุมของการหมุนตัวของซิลิโคนไม่ส่งผลต่อทิศทางเนื่องจากกลมเท่ากันทุกด้าน เนื้อซิลิโคนนิ่ม และมีแบบผิวเรียบ มีการบรรจุเนื้อซิลิโคนภายในประมาณ 90%
- ทรงหยดน้ำ : ดูเป็นธรรมชาติ แต่มีความเสี่ยงบ้างหากซิลิโคนเกิดการหมุนตัวในระยะยาว แต่ก็สามารถแก้ไขได้ เนื้อซิลิโครจะแข็งกว่านิดหน่อย และมีผิวทรายซึ่งอาจมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเทียบกับแบบผิวเรียบ (แต่ไม่ใช่มะเร็งเต้านมที่เราเข้าใจ)มีการบรรจุเนื้อซิลิโคนภายในประมาณ 90%
Motiva : รุ่นที่มาแรง คือ ทรง Egonomic เคลมว่าเป็นทรงที่ดูธรรมชาติ ไม่ต้องเลือกทรงให้ปวดหัว (แต่มีให้เลือกว่าเอาแบบมีชิป หรือ ไม่มีชิปฝังอยู่ในซิลิโคน) เนื้อซิลิโคนจะนิ่มกว่านิดหน่อย มีเนื้อผิวกำมะหยี่ซึ่งบอกว่าพัฒนาต่อจากผิวทราย โดยบรรจุเนื้อซิลิโคนภายในประมาณ 95% ทำให้ก้อนซิลิโคนไม่ยับ เหมาะกับคนที่ผิวบางเป็นพิเศษ ส่วนคนผิวหนาก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม Motiva เป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด ยังไม่มีการเฝ้าสังเกตุผลลัพธ์ในระยะยาว
2.รุ่นของแบรนด์ Motiva VS Mentor แตกต่างกันอย่างไร?
ความจริงแล้วซิลิโคนที่มีในตลาดไม่ได้มีให้เลือกแค่ ทรง และ ขนาด เท่านั้น แต่มันยังมี “รุ่น” อีกหลายแบบให้เลือก เราจึงขอยกตัวอย่าง รุ่น ต่อ รุ่น ของ 2 แบรนด์ฮิตกันไปเลยให้เห็นภาพชัดๆ
ทำความเข้าใจง่ายๆก่อนว่า ปริมาณซิลิโคน/ความพุ่งจะมีชื่อเรียกของแต่ละแบรนด์แตกต่างกัน
Motiva (Full) = Mentor (High)
Motiva (Demi) = Mentor (Moderate Plus)
สรุปว่า
- Motiva และ Mentor มีทรงกลมทั้งคู่ แต่ของ Mentor จะมีให้เลือกเยอะกว่าว่าอยากได้ ทรงพุ่งเบอร์ไหน เช่น High กับ Moderate Plus ส่วน Motiva มีให้เลือกแบบเดียว คือ Full
- Motiva ทรงธรรมชาติ หรือ Ergonomix เคลมว่ามาแทนที่ทรงหยดน้ำที่ให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าตามการขยับตัวไม่ว่าจะเดิน หรือ นอน ซิลิโคนก็จะไหลไปตามธรรมชาติจ้า ไม่ต้องมาเลือกให้เสียเวลาว่าจะกลม หรือ หยดน้ำดี
- Mentor สายหยดน้ำจะมีความพิเศษในดีเทลของรุ่นย่อยลงไปอีกตามสรีระหน้าอกของแต่ละบุคคลตามหมอแนะนำว่ามีพื้นที่เนินหน้าอกลึกตื้นอย่างไร ก็มาดูที่ Medium Height, Low Height, Tall Height อีกที
ดังนั้นเมื่อเราเข้าไปพบคุณหมอ ให้ท่านพิจารณาลักษณะของหน้าอกเราก่อนก็เป็นสิ่งสำคัญนะจ๊ะ (*ความจริงยังมีอีกหลายซีรี่ย่อยมากมายลายตา แต่เราขอเลือกมาแต่ตัวเด็ดๆเพื่อให้เข้าใจง่ายๆจ้า)
3.วิธีการแนะนำขนาดของซิลิโคนให้กับเรา?
คุณหมอแต่ละคนจะมีสไตล์การให้คำแนะนำที่แตกต่างกันไป จากประสบการณ์ที่เราไปเจอๆกันมา จะคุยตาม cc หรือ คุยเป็น Look & Feel เช่น
- ขนาดจริง ตามcc : คุณหมอจะให้เราลองใส่บราพร้อมซิลิโคนเพื่อให้เราได้รับความรู้สึกตามน้ำหนัก แต่เราต้องบวก ลบ เอาเองว่าสิ่งนี้ไปอยู่ใต้ชั้นกร้ามเนื้อแล้ว อาจจะเล็กกว่าที่เห็นเล็กน้อย ถ้าเป็นไปได้คุณหมอก็อยากให้เราเลือกใหญ่กว่าที่เห็นหน่อยนึง เพราะเคสที่หลายๆท่านเจอมาคือ สาวๆรู้สึกเล็กไปหน่อย (แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และ สไตล์ของแต่ละคนด้วยนะ)
- ขนาด ตามลุค : บางท่านอยากให้เรามองที่ทรวดทรง โดยลืมตัวเองก่อนแล้วดูแต่ Body คนในกระจก คุณหมอจะแนะนำ จาก Body Type ว่าใส่ประมาณนี้น่าจะดี แล้วท่านจะคำนวน cc ที่เหมาะให้เองว่าใส่จริงเท่าไหร่
4.ตำแหน่งการใส่ซิลิโคนต่างกันอย่างไร?
ในสมัยนี้ นิยมใส่อยู่ 2 ทาง คือใต้ราวนม : เป็นทางเลือกสำหรับคนกลัวเจ็บ เพราะช่องทางนี้ใช่ซิลิโครเข้าไปง่ายที่สุด ทำให้แผลหายเร็ว และ อาการบวมน้อยกว่า
ใต้ราวนม : เป็นทางเลือกสำหรับคนกลัวเจ็บ เพราะช่องทางนี้ใช่ซิลิโครเข้าไปง่ายที่สุด ทำให้แผลหายเร็ว และ อาการบวมน้อยกว่า
แต่ข้อที่ต้องระวังก็คือ แผลจะเห็นค่อนข้างชัดเมื่อเทียบกับการทำใต้รักแร้ เนื่องจากเป็นผิวที่ตึงกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องแผลหลังจากทำก็ขึ้นอยู่กับอีกหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูผิวของแต่ละคน ขนาดของซิลิโคน และ วิธีการเย็บแผล ด้วยจ้า
รักแร้ (ทั้งแบบใช้กล้อง และ ไม่ใช้กล่องส่อง) : เป็นทางเลือกของคนที่เป็นแผลเป็นง่าย หรือ รับไม่ได้กับการเห็นรอยแผลชัด เนื่องจากผิวที่รักแร้จะมีความยืดหนุ่นและมีรอยของผิวหนังมากกว่า ทำให้ลอยแผลดูเนียนไปกับลอยรักแร้นั่นแหละ
ส่วนข้อที่ต้องพึงทำใจก็คือ การใส่ซิลิโคนทางนี้จะเกิดการบวม และ เจ็บมากกว่า เพราะซิลิโคนของเราต้องเดินทางไกลจากรักแร้ไปถึงหน้าอก โดยวิธีการพาไปนั้นก็สามารถไปกับกล้องเพื่อที่จะทำให้เห็นภาพได้ดีกว่า โดยส่วนมากวิธีการเข้าทางรักแร้ก็จะแนะนำให้ทำทรงกลมมากกว่าหยดน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงของการพลิกตัวของซิลิโคน
5. ชั้นของการใส่ซิลิโดน
การใส่ซิลิโคนเข้าไปที่หน้าอกของเรามีหลายเทคนิคแล้วแต่ความถนัดของคุณหมอ แต่ที่เป็นที่นิยมกันและปลอดภัยที่สุดตอนนี้จะเป็นชั้นใต้กล้ามเนื้อจ้า
6.วิธีการเย็บแผล
โดยส่วนมากคุณหมอจะทำการเย็บ 2 ชั้น โดยชั้นในคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ส่วนชั้นนอกนั้น
บางท่านจะเลือกวิธีที่แตกต่างกันออกไป เช่น เย็บไหมธรรมดา (ที่ต้องมาตัดในอีก 1 สัปดาห์) หรือ การติดเทปโดยไม่ทำการเย็บแบบเกาหลีจ้า
โดยไม่ว่าจะวิธีไหน แผลแห้งแล้ว เราก็ควรทายาควบคู่ เพื่อลดลอย อาทิ Dermatix Ultra Gel หรือ MEDERMA Intense Gel ทั้งนี้แผลต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนในการค่อยจางๆ และขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย
7.ขั้นตอนหลังผ่าตัด
เทคนิคของบางท่านจะมีการใส่สายเดรนเลือดหลังการผ่าตัด บางท่านไม่มี ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าใครกลัวการเห็นเลือด ก็ควรถามให้ชัวร์ก่อนนะ
นอกจากนี้ยังควรถามถึงการพักฟื้นหลังผ่าตัดว่า ต้องนอนพักไหม หรือ สามารถกลับบ้านได้เลย ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มามีชุดรัดหน้าอก และ ชุดยามาด้วยไหม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะส่งผลต่อราคาและการตัดสินใจของเราด้วย แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งใด คือ ความปลอดภัยนะจ๊ะ
แอบแถมให้ว่า คุณหมอใน Finalist ของเรา คือ
- หมอบัว วิษณุ โล่ห์สิริวัฒน์ รพ ปิยมหาราชการุณย์
- หมอพีระ เทียนไพฑูรย์ PSC Clinic
- หมอสมบูรณ์ สมบูรณ์ ไหวพริบ Apex Clinic
หวังว่า Checklist เหล่านี้จะช่วยให้สาวๆได้หน้าอกสวยดั่งใจ และปลอดภัยจริงๆนะจ๊ะ
ส่วนใครที่มีปัญหาที่ไม่กล้าปรึกษใคร เรื่องตรวจภายใน หรือ เรื่องเพศ ลองติดตามทอนเท้นต์ใน