คุยเรื่อง ศิลปะ ใต้น้ำกับ ออม ณัชนาถ อดีตนักกีฬาทีมชาติ
เราคุยกับออม ณัชนาถ กระแสร์ชน โค้ชสอนระบำใต้น้ำ นัก ศิลปะ บำบัด และอดีตนักกีฬาระบำใต้น้ำทีมชาติ อย่างเป็นเองริมสระน้ำ ฉากที่เธอคุ้นเคยดี ออมปรากฏกายด้วยบรรยากาศกระฉับกระเฉง แข็งแรงอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ ผิวสีแทนบอกเราได้ดีว่าเธอชื่นชอบการว่ายน้ำและกิจกรรมกลางแจ้งแค่ไหน
ออม
ความเท่ของกีฬาแต่ละอย่างมันคือตรงที่เราโชว์ว่าร่างกายมนุษย์มันทำอะไรได้เยอะมากเลย
จริงๆ แล้วรู้จักตั้งแต่แปดขวบ ลูกพี่ลูกน้องชวนไปเล่น เหมือนเขาไปเจอมา แล้วก็ชวนไปเล่น เล่นไปเล่นมาก็ติดทีมชาติเฉย ตอนนั้นเป็นคนชอบว่ายน้ำอยู่แล้ว แปลกดีก็เลยลอง
นานอยู่เหมือนกัน จริงๆ ไปแข่งต่างประเทศตอนอายุ 13 แต่ว่าถ้าเป็นทีมชาติจริงๆ น่าจะ 15-16
ตอนที่เราเริ่มฝึกตอนแรกๆ ก็ฝึกหนักเลย ก็ไม่เข้าใจตัวเองตอนเด็กๆ เหมือนกันว่า ตอน 8-9 ขวบอยากไปว่ายน้ำ 5 วันต่ออาทิตย์ ทุกวัน หลังเลิกเรียน แต่พอเป็นทีมชาติก็ซ้อมหนักขึ้นไปอีก ยิ่งพอเวลาที่เก็บตัวก่อนไปแข่งแมทช์ใหญ่ๆ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ เขาก็จะให้เราเก็บตัว สามเดือน ก่อนจะแข่งเขาก็จะให้เราซ้อมเช้า-เย็น ซ้อมทีนึงก็ 3-4 ชั่วโมง นอนกลางวันแล้วก็ไปซ้อมต่อ—มีท้อบ้าง เพราะช่วง ปลายๆ มันชนกับช่วงที่ออมจะเข้ามหาลัยพอดี แล้วรู้สึกว่าเราใช้เวลากับมันเยอะมาก เราไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน เพื่อนไม่ค่อยมี แล้วเราเป็นคนรู้ตัวว่าเราอยากเรียนทางด้านศิลปะ เห็ฯคนอื่นไปติวศิลปะกัน เราก็อิจฉา ฮือ เราต้องมาซ้อม
จริงๆ ตอนเด็กๆ เลย ออมเล่นเพราะมันได้ไปเที่ยวฟรี (หัวเราะ) ได้ไปเห็นต่างประเทศเยอะมาก พอเราเป็นนักกีฬามันก็ลดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก แล้วก็สนุก แค่เราไปเที่ยวซุปเปอร์มาเก็ตก็สนุกแล้ว ถึงแม้เราจะไปแข่งเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยชอบ ที่มันพ่วงมากับการที่เราได้ออกไปเปิดโลกด้วย แต่ว่าตัวระบำใต้น้ำเอง ออมก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ตรงที่มันมิกซ์อะไรหลายๆ อย่างมาก มันทั้งว่ายน้ำ ยิมนาสติดก แล้วก็เป็นการเต้น บางครั้งมันก็ดูไม่เหมือนกีฬา ดูเป็นการเต้นมากกว่ารึเปล่า ดูสวย ลอยอยู่ในน้ำ
ว่ายน้ำเป็นก่อนเลยอย่างแรก ต้องว่ายน้ำแข็ง เพราะเราต้องแอดว้านซ์กว่าว่ายน้ำ เพราะเราต้องเต้นตามจังหวะ แล้วก็ต้องฝึกปอด ปอดต้องใหญ่ กลั้นหายใจได้นาน เต้นเข้าจังหวะได้ มีความยืดหยุ่น ยิมนาสติก ฉีกขาได้
ออมรู้สึกว่า สรีระของนักกีฬาเกิดมาจากการที่เราเล่นกีฬานั้น ซ้อมมัน แล้วร่างกายกับกล้ามเนื้อเราพัฒนาให้เป็นในรูปแบบนั้น เพราะฉะนั้นคนที่ซ้อมหนัก ซ้อมไปเรื่อยๆ มันก็จะสร้างตัวของมันเอง คนตัวเล็กก็เล่นได้ มาเป็นคนถูกยก คนตัวใหญ่ก็เป็นฐานยกเขา
จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งแบบฟุตบอล มีกองหน้า กองหลัง หลักๆ ก็จะมีแค่ฐาน กับตัวยก ตัวยกก็จะเป็ฯคนตัวเล็กๆ เบาๆ ต้องมีความยืดหยุ่น แข็งแรง ต้องถีบตัวเองขึ้นไปสูงมาก แล้วก็ต้องมีตัวตรงกลาง เพราะในการยกมันจะมีหลายแบบ สมมุติว่าถีบขึ้นไปสูงมากมันจะมี 3 ชั้น คือ ฐาน ตัวยก ตัวกระโดด คนตรงกลาง ตัวยกคือออมเอง คนตรงกลางต้องสู้แรงคนข้างบนที่ถีบเรา คนข้างล่างก็จะส่งเราขึ้น เราก็จะเป็ฯตัวต่อส่งเขาขึ้นไป นอกนั้นตำแหน่งอื่นๆ ก็เล่นพร้อมๆ กัน เท่าๆ กัน
ท่าระบำใต้น้ำพื้นฐานก็จะมีสกอลิ่ง สกอลิ่งก็คือ เรานอนแล้วก็เลี้ยงมือ เอาไว้เลี้ยงเวลาใช้ขายก หรือเวลาเราตัวขึ้น เราก็จะมีท่า egg beater ท่าตีไข่ คือทำขาวนๆ เหมือนเราตีไข่ ตัวเราก็จะลอยอยู่ได้ หรือว่าถ้าเกิดเอาขาขึ้น ก็จะมีเป็นท่า vertical support ก็คือใช้มือทำแบบนี้ (ทำแขนให้ดู) แล้วขาก็จะขยับได้ ก็ต้องใช้กล้ามเนื้อ กับความแข็งแรงเยอะมาก เพราะเราต้องใช้ร่างกายของเราทั้งหมดให้ลอย ด้วยแรงจากร่างกายเราเอง
กลั้นเท่าที่เพลง/ท่า บอกให้กลั้น มันจะมีคะแนนด้วย คือถ้ากรรมการเห็นเราเล่นท่าขา เรากลั้นหายใจเยอะ แล้วท่ายังสูง สวย ก็แปลว่าคุณซ้อมหนักมาก คุณเก่งมาก ก็จะได้คะแนนเยอะ
มี nose skip เป็นที่หนีบจมูก เพราะเราต้องเอาหัวกลับลงตลอด มันก็จะบีบจมูกเราไว้ไม่ให้น้ำเข้า หน้าตามันก็จะเหมือนเอเลี่ยนหน่อย
ระบำใต้น้ำจะแบ่งการให้คะแนนออกเป็น 2 ฝั่ง จะมีทาง technical กับ artistic ถ้าเป็นเพลงที่เขามีท่าบังคับ เขาก็จะดูว่า เรามีท่าบังคับครบมั้ย เทคนิคเป็นยังไง สูงมั้ย แล้วพร้อมมั้ย ส่วนทางฝั่ง artistic จะดูของ synchronize การแสดงอารมณ์ หน้าตา เพลงยิ้มเราก็ต้องยิ้ม เพลงดุเราก็ต้องหน้าดุตาม อันนี้เป็นคะนนหมด ท่าเราเข้ากับเพลงมั้ย เป็นเรื่องของความสวยงาม