
ห้างสุดหรูของคนรวยระดับพันล้านเมืองไมอามี่
เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่นี่
เพราะคนที่เดินห้างนี้ได้ เขาจะไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแทบจะทุกด้านอยู่แล้ว เรียกว่าสบายไปทั้งชาติ ห้างนี้ชื่อว่า Bal Harbour Shops ตั้งอยู่ที่ Collins Ave. ย่าน Bal Harbour เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ซึ่งรูปทรงของเมืองจะเหมือนเป็นแท่งยาวๆ ขนาบด้วยน้ำทั้งทางตะวันออกและตก ที่ดินตรงนี้ราคาค่อนข้างแพงมาก จำกันเอาไว้ให้คนมีเงินเท่านั้นมาเป็นเจ้าของที่ดินและมีชีวิตอยู่อาศัยในย่านนี้
ตัวห้าง Bal Harbour Shops เอง แค่จะเข้าจอดรถก็คิดไปเลยชั่วโมงละ $5 (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 150 บาท) แต่สามารถสแตมป์เพื่อลดราคาเหลือ $1.50 ได้ ตัวห้างไม่มีบริการรับจอดรถ แต่แขกที่พักโรงแรม The Landon Miami Beach สามารถใช้บริการรับจอดรถที่โรงแรมได้ $18 ต่อวันแล้วเดินเข้าห้างซึ่งอยู่ใกล้กันนิดเดียวได้เลย

ห้างไฮไลท์ Bal Harbour Shop ที่นักช็อปควรมาเยือนสักครั้งที่นี่ไม่ใช่แค่ห้าง แต่มันคือไลฟ์สไตล์ของคนรวย สมมติว่ามาไม่ช็อปมาเยือนแต่ละร้านก็คุ้มแล้วอ่ะ เพราะการตกแต่งคือเฉพาะตัวมากๆ ไม่ซ้ำใครอย่างแรง บอกก่อนว่าบางร้านที่นี่เขาไม่ใช้หุ่นใส่เสื้อวางไว้เฉยๆ นะ มันไม่ไลฟ์ลี่ เขาใช้นางแบบคนจริงๆ เดินไปเดินมาให้ดูว่าเสื้อผ้ามีชีวิตชีวาน่าเป็นเจ้าของแค่ไหน
ความจริงแล้วห้าง Bal Harbour Shops เขาเป็นห้างผู้นำในระดับ luxury (ระดับแบรนด์อย่าง Giorgio Armani, Dolce & Gabbana, Harry Winston, Agent Carolina Herrera, Chanel, Chloé, Diane Von Furstenberg, Stella McCartney และอื่นๆ อีกมากมาย) มาตั้งแต่ปี 1965 แล้วนะ คุณ Stanley Whitman เจ้าของได้เปิดห้างระดับไฮแฟชั่นแห่งแรกในฟลอริด้าบนที่ตั้งของอดีตค่ายทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในสมัยนั้นโดยปกติแล้ว ‘ห้าง’ จะต้องมีความผสมผสานระหว่างร้านของชำและฮาร์ดแวร์ ติดแอร์คอนดิชั่น จะหาห้างขนาดใหญ่ในดินแดนที่มีน้ำล้อมรอบ และที่จอดรถกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาได้ที่ไหนกัน มีแต่ Bal Harbour Shops นี่แหละที่สามารถพรีเซนต์ความสวยงามของฟลอริด้าทางตอนใต้ได้ดีที่สุด

ห้างนี้ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและหาดบิสเคนน์ (Biscayne Bay) ในหมู่บ้านแสนจะร่ำรวยไปด้วยเงินใช้จ่ายและภูมิทัศน์ที่สวยหยุดลมหายใจ ที่มีคนดังอาศัยอยู่เพียบ อย่างแบรด พิตต์(นักแสดง), เฌอ(นักร้อง), แอนดี้ การ์เซีย(นักแสดง)และคนดังที่ร่ำรวยในวงการอาชีพอื่นๆ อีกมากมาย
Bal Harbour Shops เป็นห้างแบบเปิดโล่ง ไม่เหมือนกับห้างไหนในอเมริกา ลานจอดรถสวยถ่ายรูปได้เพราะต้นปาล์ม สัญลักษณ์ทะเลฟลอริดาที่ทำให้เห็นแล้วสบายสายตาสุดๆ

ความสำเร็จในช่วงแรกนั้นเป็นผลจากในปี 1971 ที่คุณวิทแมนได้ชักชวน Neiman Marcus มาเปิดห้างสรรพสินค้าสาขาพิเศษแห่งแรกนอกบ้านเกิดอย่างเมืองเท็กซัส เลยทำให้หลายแบรนด์เนมที่ในยุคนั้นอาจหาได้แค่ที่ถนน Champs-Elyseées เมืองปารีส หรือ Fifth Avenue เมืองนิวยอร์กเท่านั้นเกิดเปิดใจให้โอกาสไมอามี่ขึ้นมา
ห้าง Bal Harbour Shops กลายเป็นห้างแบรนด์ยุโรปให้ความสนใจเป็นที่แรกๆ นอกจากในมหานครนิวยอร์ค จนถึงวันนี้ห้างแห่งนี้ได้มีกว่า 100 แบรนด์แฟชั่นและเครื่องประดับและมักจะถูกพูดถึงในเชิงเปรียบเทียบกับ Madison Avenue เมืองนิวยอร์คและย่าน Beverly Hill’s รัฐแคลิฟอเนียไปเรียบร้อยแล้ว
จนเมื่อเดือนกันยายน ปี 2012 นิตยสาร SCT (Shopping Center Today) ได้จัดให้ Bal Harbour Shops เป็นห้าง “world’s most productive” ซึ่งเทียบจากยอดขายต่อตารางฟุต ในตอนนั้นได้ที่ยอดขาย $2,555 ต่อหนึ่งตารางฟุต ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ห้างเปิดมา และในปัจจุบันยอดขายต่อตารางฟุตสูงขึ้นถึง $3,000 แล้ว
ผู้บริหารรุ่นต่อมาอย่าง Randy Whitman (ลูกชาย) และ Matthew Whitman Lazenby (หลานชาย) ก็ได้เข้ามาช่วยบริหารงานห้างขนาด 450,000 ตารางฟุต แม้ว่าจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจปัจจุบันไปบ้าง แต่ห้างอายุครึ่งศตวรรษแห่งนี้ก็ยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่อีกเกินครึ่ง! เพื่อรองรับร้านค้าระดับชั้นนำอีกหลายแบรนด์ที่อยากจะมามีส่วนร่วมในห้างแห่งนี้ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.balharbourshops.com/

คนรวยเขาทำอะไร ใช้ชีวิตแบบไหนในเมืองนี้
แม้ว่าเมืองนี้จะมีหาดทราย แต่! ก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะได้สัมผัสมัน เพราะหาดส่วนตัวสุดๆ เฉพาะคนที่มีที่อยู่อาศัยหรือนักท่องเที่ยวที่มีเงินจ่ายค่าโรงแรมเท่านั้นถึงจะมีโอกาส เดินผ่านไปผ่านมาเฉยๆ ขอให้ผ่านไปเลย
แต่ถ้าคุณเป็นคนรวยที่ไม่ชอบความแน่นของผู้คนเราว่าร้านอื่นๆ ในห้างนี้คงเลิศพอๆ กันถึงจะมาอยู่ในห้างนี้ได้ อย่างเช่น Vasalissa Chocolatier ที่ใครๆ ต่างบอกว่าช็อคโกแลตที่นี่เด็ดมากควรได้มาลองถ้ามาที่นี่, Hillstone Restaurant ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มีนักท่องเที่ยวบอกว่า Crab Cake ที่นี่ดีที่สุดที่เคยลองมาเลย แต่ที่น่าสนใจเลยก็คือ Makoto ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้ Certificate of Excellence2015 – 2019 Winner จาก Tripadvisor มา 5 ปีซ้อน
ส่วนปาร์ตี้พร้อมแก้วมาร์ตินี่ในมือ เขาบอกเลยว่าบาร์ตรงล็อบบี้โรงแรม The St. Regis Bal Harbour Resort คือความหรูหราที่สุดของวันจริงๆ เพราะบรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว เหมือนอยู่ในไมอามี่อยู่ แต่ผู้คนไม่พลุกพล่านจอแจ แต่ยังไม่นับเตียงๆ นุ่มๆ ของโรงแรมที่เรากำลังจะเฉลยค่าพักต่อคืนให้ฟังกัน

สามโรงแรมหลักใน Bal Harbour ที่เราว่าถ้าคุณจะไปก็ขอให้ใช้เงินให้เต็มที่ไปเลยก็คือ
The St. Regis Bal Harbour Resort ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 16,xxx บาท
The Ritz-Carlton Bal Harbour ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 13,xxx บาท
Sea View Hotel Bal Harbour ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 7,xxx บาท
ซึ่งเราว่าไม่ใช่ปัญหาในการมาพักต่อคืนสำหรับเศรษฐีไทย เพราะราคาที่พักไม่ได้สูงไปกว่าเมืองอื่นๆ ในโลก จะห่วงก็แต่ว่าค่าช็อปปิ้งในห้างสุดหรูต่างหากว่า ลิมิเต็ดคอลเลคชั่นเอย อาหารแต่ละมื้อเอย ไม่รู้เลยว่าแค่ไหนถึงจะพอใช้จ่ายให้หนำใจ!
บทความนี้เขียนโดย Jindaporn Jayangkura (Contributor)