
สำรวจระดับความ “ติ่ง” ติ่งหนักแค่ไหนเรียกว่า “เกินพอดี”
เมื่อเราหรือคนรอบตัวเป็น “ติ่ง” นานวันเข้าก็เกิดเป็นความสงสัยว่า เราติ่งมากเกินไปมั้ยนะ เปย์หนักเกินไปหรือเปล่า ติ่งเป็นเรื่องไร้สาระ? ทำไมใครๆ ก็เป็นติ่งนะ มาทำความเข้าความติ่งกันค่ะ
ติ่ง (Noun.) คือคำที่เราคุ้นเคยกันดีว่าเป็น คำเรียกกลุ่มคนที่ชื่นชอบศิลปิน ไอดอล นักร้อง นักแสดง และติ่งก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ แต่มีมาตั้งแต่สมัยแม่ๆ ในยุคแม่ยกแล้ว และติ่งก็มีรูปแบบการติดตามศิลปินเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเท่านั้นเอง
คำว่า “ติ่ง” เคยเป็นคำเรียกกลุ่มแฟนคลับที่มีพฤติกรรมไม่ดีหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นคำทั่วๆ ไปที่ใช้เรียก กลุ่มแฟนคลับ แบบรวมๆ มีจุดกำเนิดและเจาะจงไปที่ “ติ่งเกาหลี” ซึ่งหมายถึง กลุ่มแฟนคลับศิลปินเกาหลี นั่นเอง
ทำไมถึงติ่ง? จากมุมของติ่ง
1. ความชื่นชอบส่วนตัว
เหตุผลข้อแรกของติ่ง คือ ชื่นชอบในผลงาน สไตล์เพลง การแสดง ต่างๆ ของศิลปินนั้นๆ เพราะผลงานเพลงหรือการแสดงต่างๆ มักจะมีสไตล์ที่แตกต่างออกไป และมีแนวทางที่เฉพาะเจาะจง รวมไปถึงรูปร่างหน้าตา และภาพลักษณ์ด้วย ซึ่งตีตลาดผู้ที่ชื่นชอบในสไตล์นั้นๆ ได้ดี
2. ตามเทรนด์ใหม่ๆ เสมอ
ด้วยอุตสาหกรรมบันเทิงของต่างประเทศ อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น หรือแม้แต่อเมริกา มักจะมีเทรนด์แฟชั่น และงานศิลป์แนวใหม่ๆ มาให้เราเสพอยู่เสมอ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราสนใจและติดตามสิ่งใหม่ๆ ของพวกเขา บางคนก็ติดตามผลงานใหม่ๆ เหล่านี้ เพราะอยากอัพเดตเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอๆ และอาจนำไปปรับใช้กับการทำงานหรือการเรียนของตนได้ด้วยเช่นกัน
3. อิทธิพลจากเพื่อน
ติ่งบางคนก็ไม่ได้เกิดมาติ่งตั้งแต่แรก แต่ได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง เมื่อเพื่อนชอบอะไรก็มักจะมาเผยแพร่ให้เราด้วย หรืออย่างน้อยๆ เพลงบางเพลงก็คุ้นหูเพราะเพื่อนเปิดฟังอยู่บ่อยๆ บางทีก็รู้สึกว่าเพราะดีนะ รู้ตัวอีกทีก็ตามฟังเพลง นั่งดูศิลปินขึ้นเวทีแล้ว
ทำไมถึง ติ่ง? จากมุมจิตวิทยา
ในทางจิตวิทยา เราสามารถอธิบายองค์ประกอบของความรักของคู่รักทั่วๆ ไปได้ด้วยทฤษฎี “สามเหลี่ยมความรัก (Triangular Theory of Love)” ของนักจิตวิทยาชื่อดัง Robert Sternberg โดยแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบหลักๆ
ซึ่งเราก็สามารถนำทฤษฎีนี้มาเปรียบเทียบความรักระหว่างติ่งและศิลปินได้เช่นกัน แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ติ่ง และ ศิลปิน จะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ดูจะจับต้องไม่ได้ แต่ในปัจจุบันเราสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยลดช่องว่าง ทำให้รูปแบบความรักนี้ดูไม่ต่างจากความรักของคู่รักทั่วๆ ไปเลย
ซึ่งองค์ประกอบความรักของทฤษฎีที่ว่าก็สามารถอธิบายได้ ดังนี้
- ความหลงใหล (Passion) คือ การหลงใหลไปในทางชู้สาว หลงใหลรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งในมุมของติ่งหรือแฟนคลับก็คือการ ชื่นชอบในรูปร่างหน้าตาที่น่าดึงดูด ชื่อเสียง ความสามารถที่น่าสนใจ
- ความใกล้ชิด (Intimacy) คือ ความใกล้ชิด ผูกพันธ์ ในมุมของติ่งก็คือ การติดตามข่าวสารต่างๆ ดูไลฟ์การแสดง หรือรายการต่างๆ ที่ ศิลปิน เข้าร่วม รวมไปถึงการตั้งชื่อกลุ่มแฟนคลับให้คล้องกับชื่อศิลปินด้วย
- การผูกมัด (Commitment) คือ การวางแผนทำอะไรร่วมกันทัง้ในระยะสั้นและระยะยาว ในด้านการติ่งก็คือ การมีจุดหมายเดียวกันที่จะสนับสนุนให้ศิลปินได้รับรางวัลต่างๆ หรือประสบความเร็จ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักมากขึ้น นั่นเอง
นอกจากทฤษฎีที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องของการผูกมัดตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของศิลปินด้วย อธิบายง่ายๆ ก็คือ ภาพลักษณ์ ความสำเร็จ และชื่อเสียงของศิลปิน เกิดจากเราที่เป็นผู้สนับสนุน เมื่อศิลปินประสบความสำเร็จมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น เราก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีค่ากับศิลปินนะ รวมไปถึงการให้ความรักกับใครซักคนทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วย
ติ่งแค่ไหนคือเกินพอดี
เมื่อคำว่าเกินพอดีของแต่ละคนไม่เท่า แล้วติ่งหนักแค่ไหนล่ะ ถึงจะเรียกว่าเกินพอดี? วิธีสำรวจตัวเองง่ายๆ เลยก็คือการตั้งคำถามว่า ติ่งแล้วเดือดร้อนไหม มีความสุขดีหรือเปล่า หรือมีใครต้องเดือดร้อนเพราะการติ่งของเราไหม มีใครต้องทุกข์ ลำบาก หรือไม่สบายใจเพราะการติ่งของเราหรือเปล่า? ถ้าไม่มีก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้ามีล่ะ? เราคงต้องสำรวจตัวเองเพิ่ม เพราะเราอาจมีอาการป่วยได้เหมือนกัน!
ความหลงใหลที่มากเกินพอดี
Celebrity Worship Syndrome (CWS) คือ อาการความผิดปกติทางจิต ที่ผู้ป่วยมักจะมีอาการคลั่งไคล้ เสพติด และหมกมุ่นกับชีวิตของ ศิลปิน ดารา หรือคนดัง แบบสุดๆ สนใจเรื่องของศิลปิน ดารา ตั้งแต่หน้าตา ชื่อเสียง ผลงาน ไปจนถึงชีวิตส่วนตัว ความเป็นอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งหากใครที่เข้าข่ายนี้ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษา ไม่อย่างนั้น สิ่งนี้อาจกระทบกับตัวผู้ป่วยและคนรอบข้างได้
ไม่เข้าข่าย CWS แต่ก็ยังต้องระวัง!
แม้ว่าจะไม่ได้เข้าข่ายผู้ป่วย โรค CWS แต่เราก็ต้องระวังและดูแลตัวเองอยู่เสมอ
- ดูแลสุขภาพให้ดี ดูแลผิวพรรณ ความสะอาดของร่างกาย ไม่อดอาหาร หรืออดนอน จนทำให้ตัวเองโทรม หรือป่วยไข้
- ให้ความสำคัญกับสังคมและคนรอบข้างบ้าง ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ พูดคุยกับคนในครอบครัวหรือคนรอบข้าง เอาใจใส่กันเสมอ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ เราต้องหาตรงกลางให้เจอ ไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง
- ไม่เปย์จนตัวเองเดือดร้อน เรื่องการเปย์คงห้ามไม่ได้ แต่ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าต้องไม่มากเกินจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือถึงขั้นที่ต้องรบกวนพ่อแม่ หรือคนรอบข้าง
ทุกคนมีต่างก็มีความชอบที่แตกต่างกัน และเราก็ต้องยอมรับในความแตกต่างนี้ มีคนชอบก็มีคนไม่ชอบได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องการติ่ง การชื่นชอบ ศิลปิน ก็ควรอยู่ในความพอดี ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้ตัวเราหรือคนอื่นเดือดร้อน การติ่งจึงจะเท่ากับความสุข
ที่มาข้อมูล :
https :// soundcloud.com/thestandardpodcast /ruok02
http :// w w w.ro bertjs t ernbe rg.co m/love
https :// w w w.ps yc h ol o gy to day. com/ us /blog /in-exce s s/ 2013 07/celebr ity-w orshi p-s yn dro m e