Skincare Routine ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรทำมีง่ายๆ 4 ขั้นตอน ได้แก่ ทำความสะอาด (Cleansing), ปรับสภาพผิว (Toner)  คืนความชุ่มชื้น (Moisturizer) และที่สำคัญคือ กันแดด (Suncreen)

ถ้าว่าด้วยเรื่อง moisturizer ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหน ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ทุกสภาพผิวต้องใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ หลายคนอาจจะยังงงๆ กับตัวเลือกที่มีมากมายเหลือเกินในท้องตลาด ราคามีตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน จะเลือกใช้อย่างไร ยิ่งแพงยิ่งดีจริงมั้ย วันนี้เราจะเล่าให้ฟัง 

“กฎข้อแรกคือ อย่าจ่ายแพงเกินไป”

Monica Halem, MD, Columbia Doctors Eastside ใน New York

วิธีเลือก Moisturizer ตามสภาพผิว

จุดประสงค์ของการทา moisturizer คือการ รักษาน้ำมันในชั้นผิวให้คงอยู่ เพื่อความชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแดง ระคายเคือง ผิวขาดน้ำ จนนำไปสู่การเกิดริ้วรอยได้ง่าย 

ทั้งนี้ควรเลือกมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ไม่เหมาะกับผิว เช่น เป็นสิว ผิวมันเยิ้ม ผิวไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ เรียกว่า ทาก็เหมือนไม่ได้ทา และอาจจะเพิ่มปัญหาใหม่ให้อีก! 

ผิวมัน : Gel

ผิวมัน คือผิวที่มีน้ำมันส่วนเกินบนผิว ที่ทำให้ผิวอุดตันได้ง่าย จะรู้สึกหน้ามันหลังจากล้างหน้าได้ไม่กี่ชั่วโมง เราจึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และลดการผลิตน้ำมันในชั้นผิวให้น้อยลง 
เลือกใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ เนื้อเจล ที่มีความบางเบา ซึมง่าย และเน้นมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ที่ปราศจากน้ำมัน (Oil Free)

ผิวผสม : Lotion

ผิวผสม คือคนที่มีทั้งส่วนที่ไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกิน และผิวส่วนที่ผลิตน้ำมันส่วนเกิน โดยเฉพาะส่วน T-Zone หน้าผาก จมูก คาง ซึ่งเป็นตำแหน่งของต่อมไขมัน 

เลือกใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ เนื้อโลชั่น ที่มีเนื้อหนักขึ้นมาหน่อย ในคนที่ผิวแห้งบางจุดมากๆ สามารถใช้โลชั่นทั่วหน้า แล้วใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์เนื้อหนักขึ้น เช่น เนื้อครีม ทาเฉพาะจุดที่ผิวแห้งได้

ผิวแห้ง : Cream, Ointment 

ผิวแห้ง คือผิวที่มีน้ำมันบนชั้นผิวไม่เพียงพอ พอไม่มีน้ำมันมาทำหน้าที่เป็นเกราะดูแลผิว ก็ทำให้ผิวแดง แห้งคัน ลอกเป็นขุยได้ 

เลือกใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ เนื้อครีม ที่เนื้อสัมผัสมีความเข้มข้น เนื้อหนัก กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี หรือเนื้อออยเม้นท์ (ointment) ที่เป็นส่วนผสมระหว่างน้ำมันและน้ำ (80/20)  ทำหน้าที่เหมือนเป็นน้ำมันเคลือบผิว และความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเข้มข้น 

ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาใน Moisturizer 

หน้าที่ของ moisturizer คือการทำให้ผิวที่แห้งกระด้าง อ่อนนุ่มลง แข็งแรงขึ้น มีสมดุล โดยการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวชั้นบน และดึงความชุ่มชื้นจากผิวชั้นในขึ้นมา 

ส่วนผสมที่ทำหน้าที่ เคลือบและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ได้แก่ petrolatum, mineral oil, lanolin, and dimethicone 
ส่วนผสมที่ทำหน้าที่ ดึงความชุ่มชื้นจากผิวชั้นในขึ้นมา ได้แก่ Glycerin, propylene glycol, proteins, urea, และ vitamin ต่างๆ 

เมื่อต้องเลือกซื้อมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ ให้ลองดูส่วนผสมด้านหลังบรรจุภัณฑ์ โดยต้องมีส่วนผสมสำคัญเหล่านี้ อยู่บน 5 อันดับแรกนะจ๊ะ 
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส่วนผสมที่ในสกินแคร์ ที่สาวๆ ทุกคนต้องรู้จัก 

ข้อควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงหน้าพัง 

• หลีกเลี่ยงมอยซ์เจอรไรซ์เซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม (fragrance) มีการแต่งสี เพราะอาจทำให้ผิวแพ้ระคายเคืองโดยเฉพาะในคนผิวแห้ง 
• หลีกเลี่ยงมอยซ์เจอรไรซ์เซอร์สูตร Antibectiria เพราะอาจทำลายน้ำมันในผิวโดยไม่จำเป็น 
• หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ที่มีส่วนผสมที่เป็นกรด มากเกินไป เช่น alpha-hydroxy acids, glycolic acid, retinoic acid, และ  salicylic acid โดยเฉพาะคนผิวแห้ง เนื่องจากกรดดังกล่าว อาจแทรกซึมลงลึกมากเกินไปจนผิวระคายเคือง 

ต้องทาอย่างไรจึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด? 

นอกจากต้องเลือกเนื้อสัมผัสให้เหมาะกับสภาพผิวแล้ว การทาให้ถูกต้อง ถูกเวลา ก็มีส่วนช่วยบู้สให้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้นด้วย 

• ทามอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ขณะหน้าชื้น เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่นานขึ้น
• ทาทั้งตอนเข้าก่อนแต่งหน้า (เลือกแบบมี SPF 15 ขึ้นไป หรือ ทากันแดดเพิ่มด้วย) และก่อนนอน เป็นประจำทุกวัน 
• ใช้มอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์มากกว่า 1 ตัว เพื่อแก้ปัญหาที่ต่างกัน เช่น ตัวที่มีส่วนผสมของ วิตามินเอ หรือ Alpha-Hydroxy Acid (AHA) ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และรักษาสิว  
• ดูทั้งรูทีนว่าเราจะเน้น active ingredient ตัวไหน อย่าใช้หลายตัวจนทำให้มีประสิทธิภาพไม่เต็มที่

อยากมีผิวสวย สุขภาพดี ทดไว้ในใจว่ามอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์จำเป็น แต่จะดียิ่งขึ้นหากดูแลผิวให้ครบลูป ดู Skincare Routine ขั้นตอนการดูแลผิว ต่อที่นี่เลย 7 ขั้นตอนดูแล