J. Robert Oppenheimer บิดาแห่งระเบิดปรมาณู
หลายคนเรียกเขาว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’ บางคนเรียกเขาว่า ‘ฮีโร่’ บางคนเรียกเขาว่า ‘ปีศาจ’ ขณะที่ไอน์สไตน์เรียกเขาว่า ‘เจ้าคนโง่’
นี่คือชีวิตที่สุดโลดโผนของ ‘J. Robert Oppenheimer’ นักฟิสิกส์อัจฉริยะชาวอเมริกัน ที่กำลังจะมีภาพยนตร์อัตชีวประวัติ เข้าฉายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้
Oppenheimer คือใคร
ชื่อของOppenheimerอาจจะไม่คุ้นหูสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ทุกคนต้องรู้จักผลงานของเขานั้นก็คือ ‘ระเบิดปรมาณู’ ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลายเป็นหนึ่งในอาวุธสงครามที่อันตรายที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน
Oppenheimer เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่โดดเด่นที่สุดในยุคสมัยที่เขามีชีวิตอยู่ เขาฉายแววอัจฉริยภาพมาตั้งแต่เป็นเด็ก เขาสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของสาขาวิชาฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหลังจากเรียนได้เพียงสามปี ก่อนจะไปศึกษาต่อด้านฟิสิกส์เชิงทฤษฎีในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และจบการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเกิททิงเงินในเยอรมนีด้วยวัย 23 ปี
จากนั้นเขาจึงเข้ารับตำแหน่งศาสตราจารย์ฟิสิกส์สังกัดมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ (UC Berkeley) และสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ซึ่งนั้นทำให้เขาได้ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์มากมาย งานวิจัยของเขามีส่วนในการพัฒนาทฤษฎีควอนตัม สิ่งที่เขาค้นพบยังมีส่วนช่วยในการตั้งทฤษฎีเพื่อคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่นิวตรอนไปจนถึงหลุมดำ
นอกจากความสนใจด้านวิทยาศาสตร์แล้ว เขายังศึกษาภาษาสันสกฤต ศาสนา และคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสังคมอยู่เสมอ ซึ่งความรอบรู้นี้เองที่ทำให้เขาไปเข้าตารัฐบาลสหรัฐฯ และถูกเชิญให้เข้าร่วมโครงการแมนแฮตตัน โครงการลับของรัฐบาลที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
พัฒนาอาวุธ เพื่อยุติสงคราม
แม้เขาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทมากที่สุดในการพัฒนาระเบิดปรมาณู แต่เป้าหมายสำคัญของเขาไม่ได้ต้องการสร้างอาวุธเพื่อทำลายล้างมนุษยชาติ แต่คือการสร้างสันติและทำให้สงครามยุติลง
Oppenheimer มองว่าระเบิดปรมาณูนั้นจะเป็น ‘เครื่องมือยุติสงคราม’ เพราะเชื่อว่าถ้าสหรัฐฯ สามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพร้ายแรงได้ก่อนโซเวียต จะสามารถสร้างความเกรงกลัวและกดดันให้ฝ่ายฝ่ายอักษะ (เยอรมัน อิตาลี อังกฤษ) ยอมแพ้ในการทำสงครามได้
โครงการแมนแฮตตันใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกได้สำเร็จ
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ขณะเวลา 05.30 น. ปรมาณูลูกแรกของโลกที่ถูกตั้งชื่อว่า “แก็ดเจ็ต (Gadget )” ก็ถูกจุดระเบิดที่กลางทะเลทรายใน New Mexico การระเบิดครั้งนั้นก่อให้เกิดควันรูปดอกเห็ดที่สูงขนาด 11 กิโลเมตร เกิดหลุมระเบิดขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าครึ่งไมล์ รวมถึงอุณหภูมิที่สูงกว่า 2 พันองศาเซลเซียสได้หลอมละลายทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า
แสนยานุภาพของระเบิดปรมาณูครั้งนั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมการวิจัยหลายคน ยื่นเรื่องไม่ให้มีการใช้อาวุธชนิดนี้ในสงคราม และแนะนำให้ Oppenheimer จัด Exhibition แสดงประสิทธิภาพของระเบิดปรมาณูให้โลกดู เพื่อขู่ให้ญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม แต่เขาก็ยืนหยัด ที่แนะนำให้รัฐบาลสหรัฐฯ รีบนำระเบิดปรมาณูไปถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ
ผลงานที่รู้สึกผิด แต่ไม่เสียใจ
แม้การส่งระเบิดปรมาณูไปถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ จะทำให้ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม จนนำไปสู่การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จริง แต่หลังการปฏิบัติการครั้งนั้นOppenheimerก็เริ่มมีภาวะซึมเศร้าและจมดิ่งลงสู่โลกของความรู้สึกผิด
ยิ่งเมื่อเขาได้รู้ว่า แม้สงครามโลกครั้งที่ 2 จะจบไปแล้ว แต่รัฐบาลและกองทัพสหรัฐฯ ยังมีแผนจะเร่งผลิตและสั่งสมระเบิดปรมาณูเพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายความมั่นคงที่เน้นป้องกันประเทศด้วยกลยุทธ์สั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ เขาก็ได้แสดงออกถึงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายความมั่นคงใหม่
Oppenheimer เชื่อว่าระเบิดปรมาณูนั้นไม่ใช่อาวุธสำหรับผู้มุ่งป้องกันตนเอง แต่เป็นอาวุธของผู้รุกรานและผู้ก่อการร้าย เขาถูกมองว่ามีแนวคิดสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งจุดนี้เองทำให้เขาถูกมองว่าเป็น ‘ศัตรูของชาติ’ ในสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และถูกปลดออกจากราชการ ในข้อหาเป็นบุคคลอันตราย ที่ไม่เหมาะสมจะเป็นข้าราชการทำงานป้องกันประเทศอีกต่อไป
ในช่วงบั้นปลายชีวิต Oppenheimer ยังคงพยายามที่จะแทรกแซงนโยบายการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ ก่อนที่จะเสียชีวิตในวัย 63 ปี พร้อมกับคำกล่าวที่ว่า
“ข้าพเจ้ารู้สึกผิดที่ทำให้โลกมีระเบิดปรมาณู แต่ไม่เสียใจ”
ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว Oppenheimer รู้สึกผิดกับการสร้างระเบิดปรมาณูจริงหรือไม่ ทำไมเขาแนะนำให้รัฐบาลสหรัฐฯ รีบนำอาวุธร้ายแรงนี้ไปใช้เพื่อยุติสงครามโลก และเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองต่ออาวุธนิวเคลียร์นี่คืออะไร
อ่าน เรื่อง ราว ที่ น่ า สน ใจ อื่น ๆ จาก ผู้ หญิง สมัย นี้ :
MARILYN MONROE : 3 เ รื่ อ ง จ ริ ง ที่ พิ สู จ น์ ว่า M A R I L Y N M O N R O E ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ ‘DUMB BLONDE’
เ จ้ า ห ญิ ง ไ ด อ า น่ า: 3 เ รื่ อ ง ร า ว ส ร้ า ง แ ร ง บั น ด า ลใ จใ ห้ ค น ทั่ ว โ ล ก
F R I D A K A H L O จิ ต ร ก ร ส า ว ที่ เ ป็ น ดั่ ง F E M I N I S T I C O N