
รองเท้าส้นสูง ไม่ใช่ของผู้หญิง แต่ถูกสวมใส่ครั้งแรกโดยผู้ชาย
หลายปีที่ผ่านมาเรื่อง neutral gender และแฟชั่น unisex เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ เส้นแบ่งระหว่างเพศหลายเป็นเส้นเบลอๆ โดยเฉพาะในแวดวงแฟชั่น ของที่ (เราเข้าใจว่า) เป็นของผู้หญิงเท่านั้นอย่างรองเท้าส้นสูง ก็ถูกสวมใส่โดยผู้ชายอย่างไม่เขินอาย
แต่รู้หรือไม่ว่า รองเท้าส้นสูง ไม่ได้เป็นของผู้หญิงตั้งแต่แรกแล้ว! ทว่าถูกประดิษฐ์ และนำเทรนด์สวมใส่โดยผู้ชาย
กำเนิดรองเท้าส้นสูง

แรกเริ่มเดิมที รองเท้าส้นสูงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการทหาร ถูกสวมใส่โดยทหารชาวเปอร์เซีย ในช่วงอาณาจักรซามานิด (ค.ศ. 874-1005) เพื่อช่วยการทรงตัวบนโกลนม้า เมื่อต้องง้างยิงธนู รองเท้าส้นสูงในยุคนั้น (ลักษณะเป็นจงอยซะมากกว่า) นับเป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างมาเพื่อการบังคับ ควบม้าได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับทำให้ทักษะในการรบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น การถือครองม้านับเป็นเครื่องบ่งชี้ความมั่งคั่ง การสวมรองเท้าส้นสูงจึงแสดงถึงอำนาจ และความร่ำรวยเช่นเดียวกัน
รองเท้าส้นสูง นำเข้าสู่ยุโรปผ่านการค้า และการเชื่อมสัมพันธไมตรี ในยุคของพระเจ้า Shah Abbas I (1588-1629) ซึ่งชาวเปอร์เซียและชาวยุโรป จับมือเป็นพัมธมิตรกัน ต้านอิทธิพลจากอาณาจักรออตโตมัน พระเจ้า Shah Abbas I กษัตริย์ผู้นำกองทัพ ซึ่งแน่นอนว่าทรงสวมรองเท้าส้นสูง เฉกเช่น ชายชาติทหาร ได้รับความสนใจจากชนชั้นสูงในยุโรปอย่างมาก เทรนด์สวมรองเท้าส้นสูงจึงแผ่กระจายเข้าสู่สังคมผู้ชายชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว การสวมรองเท้าส้นสูง แสดงให้เห็นภาพลักษณ์องอาจ ใน ขณะเดียวกัน เหล่าเลดี้ หญิงสูงศักดิ์ ก็รับแฟชั่นรองเท้าส้นสูงมาด้วยเช่นกัน

ในศตวรรษที่ 17 แฟชั่นผู้ชายในยุโรป เน้นการอวดเครื่องแต่งกายส่วนขา ไม่ว่าจะเป็น กางเกงเปิดขา ถุงเท้า และรองเท้าส้นสูง ซึ่งเน้นให้เห็นสรีระส่วนขาอย่างชัดเจน
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นำ รองเท้าส้นสูง สู่วงกว้าง
ในฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นำแฟชั่นรองเท้าส้นสูง เข้าสู่สำนักพระราชวัง รองเท้าส้นสูงจึงกลายเป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคม โดยส้นรองเท้า ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งบ่งบอกความสูงศักดิ์ของผู้สวมใส่เท่านั้น — ส้นรองเท้าของพระเจ้าหลุยส์ สูงถึง 10 เซนติเมตร

รองเท้าส้นสูงยังบ่งบอกระดับความเป็นที่โปรดปราน ของเหล่าขุนนางต่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อีกด้วย ด้วยข้อกำหนด ห้ามมิให้ผู้ใด สวมรองเท้าส้นแดง แต่ถูกจำกัดให้ขุนนางเพียงบางกลุ่มสวมใส่ รองเท้าส้นแดงจึงเป็นเหมือนอภิสิทธิ์ และเครื่องบอกสถานะอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้การย้อมส้นรองเท้า เป็นสีแดง ใช้วัตถุดิบราคาสูง การได้มาซึ่งส้นรองเท้าแดง ไม่เพียงต้องได้รับอนุญาตจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เท่านั้น แต่ต้องใช้เงิน ซึ่งแสดงถึงความร่ำรวยมั่งคั่งอีกด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รองเท้าพื้นแดง christian louboutin ก็ต้องการจะสื่อถึงความรุ่มรวย หรูหรา เช่นเดียวกับรองเท้าส้นแดงของประเจ้าหลุยส์นี่เอง
ทำไมผู้ชายเลิกสวม รองเท้าส้นสูง
ศตวรรษที่ 18 รองเท้าส้นสูงเป็นที่นิยมในหมู่หญิงชนชั้นสูง มากเสียจนกลายเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นหญิง เหล่าขุนนาง ผู้ชายชนชั้นสูง จึงเลิกสวมรองเท้าส้นสูงไปโดยปริยาย มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ที่ยังสวมใส่อยู่ ทว่าถูกปรับเปลี่ยนให้ดูสมชาย ต่างจากของผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน และบอบบาง
ประกอบการประกาศทฤษฎี การคัดเลือกโดยธรรมชาติ (survival of the fittest) ของ ชาล์ส ดาร์วิน ที่มองว่า สัตว์โลกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น จึงจะอยู่รอดและสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ รองเท้าส้นสูง จึงกลายเป็นข้อบ่งชี้จุดอ่อน สื่อถึงผู้อ่อนแอที่ยายามทดแทนข้อด้อยของตนเอง ทำนองว่า เป็นเพราะแข็งแกร่งไม่พอ จึงต้องใช้รองเท้าส้นสูงเข้าช่วย
หรือนี่คือการคืนสู่สามัญ?
เมื่อรองเท้าส้นสูงกลายเป็นเครื่องบ่งบอกความเป็นหญิง อ่อนหวาน บอบบาง และอ่อนแอ กลายเป็นของต้องห้าม ชายชาตรีที่แท้จริง จะไม่สวมรองเท้ามีส้นอย่างผู้หญิง

แต่รองเท้าส้นสูงก็ กลับเข้าสู่แฟชั่นผู้ชายอีกครั้ง ในช่วงศตวรรษที่ 20 โดย The Beatles ที่นำรองเท้ามีส้นแบบ Cuban Heel ให้กลับมาสู่แฟชั่นผู้ชายอีกครั้ง ซึ่งยังฮิตอยู่จนปัจจุบัน และ David Bowie ผู้ท้าทายเส้นแบ่งระหว่างเพศ ปลุกกระแสแฟชั่น androgynous ในยุคที่ความลื่นไหลทางเพศยังเป็นเรื่องใหม่ ต้องห้าม และ ไม่มีคนกล้าทำ

แหล่งอ้างอิงข้อมูล
https://artsandculture.google.com/theme/the-surprising-history-of-men-in-heels/iQJCgMgwSKV5Kw?hl=en
https://people.howstuffworks.com/culture-traditions/cultural-traditions/skinny-on-high-heels-men-wore-them-first.htm
https://www.bbc.com/news/magazine-21151350
https://www.teenvogue.com/story/heels-history-men
http://www.allaboutshoes.ca/en/heights_of_fashion/sinking_feeling/