เข้าสู่ทศวรรษใหม่แล้ว มีอะไรใหม่บ้างในความสัมพันธ์หนุ่มสาวยุคนี้? เราจะขอพูดถึง สิ่งเล็กๆ น้อยๆ พฤติกรรมบางอย่าง ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ด้วยสังคม เทคโนโลยี และความคิดของคนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนในยุคนี้ ที่อาจบอกได้ว่าเป็น ยุคออนไลน์ อย่างไร? 

อยู่ดีๆ ก็หาย เป็นเรื่องปกติ

ถ้ารุ่นพ่อรุ่นแม่เรา มีเพลงจีบสาว เล่าเรื่องราวนัดพบกันหลังกองฟาง เขียนจดหมายจีบกัน สะท้อนความสัมพันธ์ในยุคนั้น บทเพลงที่สะท้อนความสัมพันธ์ในยุคของเรา ก็ถูกเล่าออกมาในรูปแบบออนไลน์ แชท ไลน์ อินสตาแกรม 

“แชทสีชมพูเขาบ่สนใจ กะหันมาเบิ่งแชทสีฟ้าแน่กะได้เด้อ บ่แมนว่าอ้ายว่าง แค่อยากสิเว้ากับเธอ ถ้าตอบแชทน้องยุ่เด้อฮู้บ่”

รำคาญกะบอกกันเด้อ, ลำเพลิน วงศกร

การไม่ตอบแชท อ่านไม่ตอบ จึงไม่ต่างกับการเบือนหน้าหนี ไม่สนใจสานต่อ หรือตัดความสัมพันธ์ ในช่วงต้นทศวรรษ ที่การจีบออนไลน์เพิ่งจะเบ่งบาน การไม่ตอบข้อความ อยู่ดีๆ ก็หาย อาจทำให้เรากระวนกระวาย และกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในทศวรรษต่อไป เราจะมูฟออฟได้อย่างรวดเร็ว เมื่อโอกาสในการพบเจอคนใหม่ๆ (แน่นอนว่า ผ่านสื่อออนไลน์) ดำเนินไปอย่างง่ายดาย กล่าวได้ว่า มีปลามากมายในทะเล จะมัวเสียอกเสียใจกับปลาตัวเดียวที่หลุดมือไปทำไมกัน!  จะหายก็หาย ช่างเถอะ Thank You, Next! 

แค่กดเลิฟก็เป็นเรื่องใหญ่ การนอกใจเล็กๆ น้อยๆ บนโลกออนไลน์

“ทะเลาะกับแฟน เพราะไปกดเลิฟผู้หญิงบน Facebook”

“เราควรโกรธมั้ย แฟนชอบโพสอ่อยเหมือนตัวเองโสด”

คำถามน่าหัวเราะเหล่านี้ จะเป็นเรื่องขำไม่ออกอีกต่อไป เมื่อถูกนับว่าเป็นการนอกใจเล็กๆ น้อยๆ (Micro Cheating) ที่เมื่อสะสมเข้าเรื่อยๆ ก็กลายเป็นปัญหากับชีวิตคู่ออฟไลน์ได้เหมือนกัน 

ถ้าลองทำความเข้าใจดีๆ แล้ว การนอกใจเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่แค่การพารานอยด์ไปเอง หรือทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วพฤติกรรมลักษณะไหนล่ะ ที่ถูกนับว่าเป็นการนอกใจเล็กๆ น้อยๆ? 

• กดไลค์ กดเลิฟ คอมเม้นกระเซ้าหลอกล้อ กับคนคนหนึ่งเป็นพิเศษ อย่างสม่ำเสมอ 
• รู้สึกกังวลที่จะให้แฟนเราเห็นบนสนทนา (แชท) กับคนคนนี้ 
• การแสดงออกว่าไม่ได้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ หรือการเปรยว่าไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจัง เพื่อให้โอกาสตัวเองได้เฟลิร์ทกับหนุ่มสาวคนอื่น

อย่างไรก็ตาม การตัดสินว่าพฤติกรรมคู่รักของเรา นับเป็นการนอกใจเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่นั่น ขึ้นอยู่กับความสบายใจและการพูดคุยระหว่างกันด้วย ถ้าเข้าใจกันดี เรื่องราวเหล่านี้ย่อมไม่เป็นปัญหา

มีคนรักหลายคน ได้ทั้งชายและหญิง 

เรื่องความลื่นไหลทางเพศ ความรักเกิดที่ตัวบุคคล หาใช่เพศสภาพ เป็นเรื่องที่สังคมสมัยใหม่ตื่นรู้ และยอมรับมากขึ้น และก้าวไปสู่ความสัมพันธ์อีกระดับหนึ่ง ซึ่งเราสามารถมีคนรักได้มากกว่า 1 คน เรียกว่า Polyamory  ไม่ใช่ความรักแบบผัวเดียวเมียเดียว หรือ Monogamy อีกต่อไป 

ด้วยค่านิยม ทัศนคติในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป และผู้คนที่มีความเป็นปัจเจกชนมากขึ้น แสวงหาความสุขและอิสระมากขึ้น การมีคู่ครองมากกว่า 1 อย่าง Polyamory จึงตอบโจทย์ชีวิตคนยุคนี้มากกว่า 

อย่างไรก็ตาม การอยู่ในความสัมพันธ์เป็นกลุ่ม เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจ และยอมรับร่วมกันทุกฝ่ายฝ่าย ถ้าคนรักของเราไม่รู้ว่าเรามีคนรักอีกคน อันนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม เห็นแก่ตัว ไม่ต่างจากการนอกใจดีๆ นี่เอง  

ความรักระยะไกลง่ายขึ้น รักแต่ไม่อยู่ด้วยกัน 

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนารุกหน้าไปเรื่อยๆ ทำให้เดี๋ยวนี้อะไรก็ง่ายขึ้น ย่นระยะห่างและเวลาให้มนุษย์เราใกล้ยิ่งขึ้น ในความสัมพันธ์ ที่เคยเข้าใจว่าต้องอยู่เคียงข้างกันเสมอ จึงไม่ได้หมายถึงการเคียงข้างในทางกายภาพอีกต่อไป แต่เป็นด้านอารมณ์และจิตใจแทน 

คู่รักยุคใหม่ จึงมีความสัมพันธ์ระยะไกลมากขึ้น หรือพบรักกันข้ามขอบฟ้า ด้วยเทคโนโลยีทำให้คนที่ไม่น่ามาเจอกัน พบรักกันได้ นอกจากนั้น ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความรักระยะไกลเบ่งบานยิ่งขึ้นก็คือ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายเช่นแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่หาเงินได้มากพอกับผู้ชาย และมีความมั่นคงทางจิตใจเสมอกัน ผู้หญิงอาจไม่ต้องการแต่งงาน และการมีครอบครัวไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป 

ความสัมพันธ์หลายหลาย เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้ความหมายของความรักเปลี่ยนแปลงไป มีเพียงวิธีการเท่านั้นที่ไม่เหมือนเดิม  หลักใหญ่ใจความของ ความรัก ยังคงเหมือนเดิม เราไม่อาจพูดได้ว่าความหมายของความรักแปรเปลี่ยนไป เพราะคำจำกัดความความรักของแต่ละคน ไม่เคยเหมือนกันอยู่แล้ว