Healthy Relationship : สำรวจความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจ มีลักษณะอย่างไร ใช่เรารึเปล่า?
ว่ากันว่าความรักทำให้คนตาบอด แต่จากคนภายนอก หรือเพื่อน มองเข้ามาอาจรู้ได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ ครั้งนี้กลิ่นตุๆ และชอบยุให้เลิกกับแฟนเสมอเวลาเราโทรไปร้องไห้เสียใจเราอาจจะให้เหตุผลว่าเรื่องความรักความรู้สึกมันไม่ได้วัดกันง่ายๆ เหมือนตาเห็นขนาดนั้น
จริงค่ะ เรื่องภายในมีแต่เราและคนรักเท่านั้นที่รู้ แต่เราอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่แฟร์อยู่ ก็ได้?
เราขอยกตัวตัวอย่างลักษณะความสัมพันธ์เป็นพิษ ที่คุณอาจดูไม่ออก หรือไม่อยากยอมรับ
ประเด็นที่น่าสนใจ
สัญญาณ Toxic Relationship
คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์เป็นพิษ ความสัมพันธ์แย่ๆ และรู้สึกว่าทนได้ก็ควรทน ยอมๆ กันไปจะได้ไม่เป็นปัญหา หรือว่าแย่กว่านั้น คิดว่าเราควรต้องยอม ถ้ามาถึงจุดๆ นั้น หมายความว่าคุณอาจยกคุณค่า ความสุขของเขา ไว้เหนือตัวคุณเอง และด้อยค่าความรู้สึกตัวเองไปแล้ว โดยไม่รู้ตัว
อย่ากระนั้นเลย มาดูสัญญาณความรักเป็นพิษ จะได้รู้ตัวแต่เนิ่นๆ กันดีกว่า
- คุณไม่กล้าพูดถึงความรู้สึก หรือแย้งเพื่อตัวเอง และเขามักจะไม่รับฟัง มองข้าม ไม่ให้ความสำคัญ
- เขาไม่ให้ความเคารพความรู้สึก หรือพื้นที่ส่วนตัวของคุณ ใช้กำลัง หรือล้อเลียนด้วยคำพูดทำให้คุณกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น
- เขามักจะตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยที่ไม่ถามความคิดเห็นคุณก่อน
- คุณรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกไม่มั่นใจว่าเขาจะอยู่ข้างคุณ
- เขาใช้ความรุนแรงข่มให้คุณรู้สึกกลัว เสียความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือการทำลายข้าวของขณะอยู่ด้วยกัน หรือใช้คำพูดทำให้คุณรู้สึกด้อยกว่า
- คุณต้องปรับเปลี่ยนแผนให้เข้ากับความสะดวกของเขา “เสมอ”
- ทะเลาะกันทีไร คุณจะเป็นฝ่ายรู้สึกผิดหวังแล้วหายโกรธไปเอง ในขณะที่อีกฝ่ายรู้สึกว่าทุกอย่างโอเค ปกติดี หรือไม่รับรู้ความรู้สึกของคุณเลย
- คุณเป็นคนรับผิดชอบความสัมพันธ์ ส่วนที่ควรจะเป็นของเขา จนเกินขอบเขตที่คุณรับไหว
- คุณเป็นฝ่ายพยายามปรับความเข้าใจ และยอมถอยเพื่อให้ความสัมพันธ์ยังไปต่อไป “อยู่ฝ่ายเดียว”
- เขาใส่ใจเรื่องเซ็กส์เพื่อความพึงพอใจของตัวเอง และเอาแต่ใจเมื่อคุณไม่ยินยอม หรือใช้เซ็กส์ต่อรองกับความรู้สึกของคุณ
ในทุกสัญญาณ ให้พึงระลึกไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องสุดโต่ง และเกิดขึ้นซ้ำๆ มาอย่างยาวนาน จึงจะนับว่าเป็น Toxic Relationship เพราะในความสัมพันธ์ เกิดการกระทบกระทั่ง หยอกล้อ และผิดใจกันบ้าง ตามประสาคนละพ่อละแม่ ซึ่ง “การปรับตัวเข้าหากัน” มันคือใจความของการเติบโตไปพร้อมกันใครสักคนเลยล่ะ แต่ถ้ากลายเป็นปัญหาสะสม และไม่ได้รับการแก้ไขเมื่อไรละก็ นั่นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีแล้วล่ะ
ความสัมพันธ์ที่ดี มีลักษณะอย่างไร?
ความสัมพันธ์ที่ดี ในคำจำกัดความของแต่คนย่อมไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสิ่งที่เธอให้ความสำคัญ ซึ่งอาจจะอยู่ภายใต้แกน การสื่อสาร, การแสดงความรัก, สิ่งสำคัญ/เป้าหมายในชีวิต หรือการมีความชอบ/งานอดิเรกร่วมกัน
คำจำกัดความความสัมพันธ์ที่ดี เปลี่ยนไปได้ตามช่วงอายุและวุฒิภาวะ ความรักที่ดีในช่วงเรียน เป็นวัยรุ่น จึงไม่เหมือนกันความรักที่ดีในช่วงวัยทำงาน เป็นผู้ใหญ่ และสิ่งที่สำคัญในชีวิตเปลี่ยนไป
นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ในแบบของเรา อาจต่างจากบรรทัดฐานที่สังคมคุ้นชินอยู่ก็ได้ เช่น ความสัมพันธ์ ของเราสามสี่คน แบบ Polyamory ความสัมพันธ์แบบอิสระ แบบ Open Relationship กล่าวคือ ความสัมพันธ์ที่ดี มีคำจัดกัดความที่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว
4 หลักเกณฑ์ พิจารณาความสัมพันธ์ที่ดี
จากที่ว่ามา เราสามารถชั่งความสัมพันธ์ และปรับความเข้าใจได้ด้วยการพิจารณา 4 หลักเกณฑ์นี้
- ขอบเขต : หากึ่งกลางที่พอดีกันระหว่างเราสองคน
เรื่องอะไรบ้างที่เรารับได้ และเรื่องอะไรบ้าง ที่เราขอสงวนไว้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเราคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความรักทางร่างกาย จิตใจ ของใช้ส่วนตัว หรือการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์
ก่อนอื่นสำรวจความคิด ความรู้สึกของตัวเอง เมื่อพบว่าขอบเขตที่เราโอเคมันไปไกลถึงตรงไหน “ต้องบอกให้คนรักรับรู้”
เมื่อไหร่ที่เขาข้ามเส้น ทั้งที่เราได้พูดคุยกันไปแล้ว และมีครั้งที่สอง สามตามมา นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีแล้วล่ะ - การสื่อสาร : กล้าพูดให้ชัด และยอมรับฟัง
ในการพูด ใช้การบอกเล่าความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา เช่น ใช้ I-massage บอกเล่าความรู้สึกตัวเองก่อน ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเรากำลังกล่าวโทษกัน แต่พูดคุยเพื่อแสดงความรู้สึกและปรับความเข้าใจ
ในการฟัง ไม่ใช่การฟังเพื่อคอยจับผิด หรือฟังผ่านๆ พอให้รู้ว่าต้องตอบกลับอย่างไรเท่านั้น แต่แสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าใส่ใจ ให้ความคิดเห็น หรือคำแนะนำได้ ที่สำคัญ ขณะพูดหรือฟังเรื่องสำคัญ ควรจะ “สบตา” แทนการจ้องมือถือ หรือสนใจเรื่องอื่น
เมื่ออีกฝ่ายไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญกับคุณ ใช้คำพูดเหยียด ทำให้เรารู้สึกด้อยกว่า หรือล้อเลียนความรู้สึกของเรา เป็นสิ่งที่ผิดมากๆ ใน ความสัมพันธ์ - ความเชื่อใจ : ส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์แข็งแรง
คู่รักที่มีความเชื่อใจต่อกัน จะรู้สึกว่าคนรักพึ่งพาได้ รู้สึกอุ่นใจแม้เวลาเราเจอปัญหา เราจะรู้สึกว่าเขาพร้อมจะอยู่ข้างเรา ให้ความเคารพื้นที่ส่วนตัว และมีความจริงใจต่อกัน
เมื่อไหร่ที่คนรักใช้ประโยชน์จากความเชื่อใจของเรา เช่น โกหก หรือไม่บอกความจริง ก็นับเป็นสัญญาณความสัมพันธ์เป็นพิษเช่นกัน
- ความยินยอม : คนรักกัน ไม่ได้หมายความว่าเรามีสิทธิเหนือร่างกาย หรือความคิดกันและกัน
การแสดงความยินยอม (Consent) จึงจำเป็น ซึ่งการยินยอมกับสิ่งหนึ่ง ไม่สามารถเอามาใช้เป็นไฟเขียวกับทุกสิ่งได้ เช่น คนรักยินยอมให้ดูแจ้งเตือนข้อความ (ขณะนั้น) ได้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถหยิบมือถือของเขามาดูได้โดยพลการ หรือคนรักยินยอมกับการกอดจูบ แต่เมื่อเขาอึดอัดเมื่อเริ่มเลยเถิด และขอให้หยุด คุณต้องหยุด ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้
เมื่อใดที่ความ “ไม่ยินยอม” ของคุณถูกละเมิด นับเป็นสัญญาณอันตราย เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่ ไม่มีความเคารพขอบเขต ไม่มีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และมีการกระทำที่ทำลายความเชื่อใจ
จะออกจาก Toxic Relationship ได้อย่างไร
คนนอกจะชอบพูดว่า “รู้ว่าแย่ แล้วทนอยู่ทำไม” คุณคะ ต้องเข้าใจก่อนว่าในความสัมพันธ์เป็นพิษ คนที่ถูกทำร้ายไม่ว่าทางร่างกาย หรือจิตใจ มักจะถูกทำให้เชื่อว่าตัวเอง “สมควร” จะได้รับสิ่งนั้นแล้ว จนรู้สึกด้อยค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และไม่ควรเกิดขึ้นกับใครเลยจริงๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบางความสัมพันธ์ยังต้องรับมือกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก เช่น สามีทุบตี แต่พึ่งพารายได้กับฝ่ายชาย มีลูกด้วยกัน จึงต้องทนอยู่ หรือ แม้เข้าจะปากร้าย ใช้คำพูดไม่ดี แต่ให้สิ่งของเงินทอง หรือความสะดวกสบายทุกอย่าง เป็นต้น
การจะออกจาก Toxic Relationship ได้ จึงต้องใช้พลังใจมหาศาลเลยทีเดียว
- ยอมรับความจริง : เมื่อพิจารณาจาก 4 หลักข้างต้นแล้ว และเห็นชัดว่าคนรักคนปัจจุบัน ไม่ได้นำพาความสุข และสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต อย่างที่เธอสมควรได้รับ ก็ต้องยอมรับความจริง และมองหาวิธีเดินหน้าต่อไป
- ปลดปล่อยความรู้สึกของเราให้อีกฝ่ายรับรู้ : เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย โอกาสสุดท้ายที่เราจะมอบให้กับความสัมพันธ์นี้ ใช้การอธิบายความรู้สึกตัว แทนการกล่าวโทษว่าเขาร้ายหรือทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างไรเช่น “ฉันรู้สึกไม่มีความสุขที่…” แทนการพูดว่า “เธอทำให้ฉันรู้สึกแย่เพราะ….”
ทางที่ดีควรเขียนความรู้สึกตัวเองออกมาก่อน เพื่อเป็นการทบทวนความรู้สึกอย่างรอบคอบ และหากคนในความสัมพันธ์ของคุณเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง หรืออารมณ์ไม่มั่นคง การสื่อสารผ่านตัวอักษร หรือการสื่อสารทางไกลอาจจะดีกว่า - ตัดสินใจแน่วแน่ : เมื่ออธิบายความรู้สึกตัวเองแล้ว ถึงเวลาคิดต่อว่าจะเอาอย่างไร การตอบกลับของเขาแสดงให้เห็นว่าอย่างไร เขาเมินเธอ หรือพยายามปรับความเข้าใจและขอโทษ ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า ความสัมพันธ์นี้ควรค่าแก่การไปต่อมั้ย หรือต้องตัดใจจากไป แต่อย่าลืมว่า เราจะปล่อยให้คนคนหนึ่ง ทำความผิดพลาดวนเข้าอีหรอบเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้นะคะ
- ใช้เวลากับผู้คนที่มอบพลังบวก : ดูแลตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบแล้วมีความสุข และอยู่กับคนที่มอบแต่พลังบวก ช่วยรักษาใจได้ดี ทำให้ความกังวล และความรู้สึกแย่ต่อตัวเองหายไป และทำให้รักตัวเองมากขึ้นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เริ่มต้นจากตัวเราเอง ว่าจะว่างตัวเองไว้ตรงไหน
ความรักอาจจะเป็นการใช้ใจแลกใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แล้วให้เลยเนอะ วันที่รู้สึกไม่มีความสุข หัวใจบาดเจ็บมากเกินไป อย่าลืมถอยออกมาหน่อย พิจารณาความรู้สึกอีกสักที ว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังควรค่าแก่การให้ใจอยู่รึเปล่า
ผู้หญิงสมัยนี้สนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนรักตัวเอง พร้อมจะติดปีกสวมบท Happy Single ได้เสมอ อย่างที่ใจต้องการค่ะ