คุณหมอตอบ สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้ก่อนตรวจภายใน
ในวัยเจริญพันธุ์ที่เราควรดูแลสุขภาวะเพศหญิงให้ดี เรากลับละเลยเรื่องนี้ไปมากที่สุด จะด้วยหน้าที่การงานที่ยุ่งแสนยุ่งก็ตาม หรือไม่ตระหนักถึงความสำคัญก็ตาม
แต่ตามสถิติและคำแนะนำของคุณหมอแล้ว ผู้หญิงไทย ควรเริ่ม ตรวจภายใน ตั้งแต่อายุ 21 ปีเป็นต้นไป เพื่อเป็นการ check up เผื่อเกิดเรื่องร้ายเราจะได้รับมือทันนั่นเอง
ผู้หญิงสมัยนี้ได้พูดคุยกับ แพทย์หญิงศศิวรรณ สุทัสน์มาลี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ แห่งเพจ คลินิกแพทย์ศศิวรรณ แทนสาวๆ ทุกคน ที่กำลังกังวลเรื่องตรวจภายใน หรือยังมองไม่เห็นความสำคัญตรงนี้ เรื่องพื้นๆ ที่สาวๆ ควรรู้มีอะไรบ้าง ตามไปฟังคำตอบจากคุณหมอกัน
รู้เพื่อเตรียมใจก่อน ตรวจภายใน
การตรวจภายใน คือการตรวจดูอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานของผู้หญิง คือ อวัยเพศ ช่องคลอด มดลูก ปีกมดลูก ท่อนำ รังไข่ รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก เพื่อหาความผิดปกติที่อาจนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อ เนื้องอก หรือมะเร็ง
Q : อธิบายวิธีการตรวจคร่าวๆ เราต้องไปเจออะไรบ้าง
A : เริ่มต้นด้วยการซักประวัติ เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยัง ผ่านการมีบุตรหรือไม่ เพื่อหาวิธีการตรวจที่เหมาะสม จากนั้นเปลี่ยนชุดที่สะดวกต่อการตรวจ ส่วนใหญ่เป็นกระโปรง หรือกางเกงที่มีช่องตรวจได้ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลหรือคลีนิกนั้นๆ
จากนั้นขึ้นขาหยั่งพร้อมตรวจ คุณหมอจะใส่เครื่องมือในช่องคลอด โดยเลือกใช้ชนิดที่เหมาะกับแต่ละบุคคล หลังจากตรวจด้วยเครื่องมือ จะใช้นิ้วมือตรวจสัมผัสอีกครั้ง โดยแพทย์จะสื่อสารกับผู้ป่วยตลอด ใช้เวลาในการตรวจทั้งหมดไม่นาน เพียง 5-10 นาที
Q : เจ็บมั้ย
A : จะรู้สึกตึงบ้างตอนใส่เครื่องมือ แต่ไม่เจ็บมาก
Q : ควรเตรียมคำถามอะไรไปถามคุณหมอบ้าง
A : คำถามเกี่ยวกับสุขภาวะเพศหญิงสามารถปรึกษาได้ เช่น เรื่องการตั้งครรภ์ ปัญหาประจำเดือน
Q : ค่าใช้จ่ายในการตรวจภายใน แพงมั้ย สามารถใช้สิทธิอะไรได้บ้าง
A : ตรวจภายในในโรงพยาบาลที่เรามีสิทธิอยู่แล้ว (ประกันสังคม, บัตรทอง) จะไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี ตรวจได้ปีละ 1 ครั้ง แต่การตรวจเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบอื่น (ตรวจหาไวรัส HPV) อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใน โรงพยาบาลรัฐประมาณ 1,000-2,000 บาท ในโรงพยาบาลหรือคลีนิกเอกชน ประมาณ 2,000-3,000 บาท
ซึ่งวิธีการตรวจ มีด้วยกัน 3 วิธี เรียงลำดับความแม่นยำ จากน้อยไปมาก ได้แก่
- Pap Smear การตรวจด้วยการป้ายเซลล์บริเวณปากมดลูก นำไปส่องหาเซลล์มะเร็ง มีความแม่นยำไม่สูงมาก เพียง 44% เมื่อเทียบกับวิธีการอื่น ควรตรวจซ้ำใน 6 เดือนถัดไป จากนั้น 1 ปี และเว้นห่างไปเรื่อยๆ เมื่อตรวจไม่พบเซลล์มะเร็ง
- Visual Inspection with Acetic acid (VIA) การตรวจด้วยการสารเหลว เห็นผล และผลตรวจแม่นยำถึง 77% ไม่ต้องตรวจบ่อย ตรวจทุก 5-10 ปี* ทว่าไม่นิยมทำกันนัก มักจะทำโดยโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลชุมชน การตรวจด้วยวิธีการ Pap Smear จะสะดวกกว่า
- ตรวจหาไวรัส HPV การตรวจโดยการนำเซลล์จากการตรวจ Pap Smear ไปส่องหาไวรัส HPV มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่แม่นยำเกือบ 100% เหมาะกับกลุ่มเสี่ยง อายุ 30 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 5 ปี**
ตรวจภายใน ไปเพื่ออะไร?
ตรวจภายใน คือการเฝ้าระวังความผิดปกติ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ใช้เวลาไม่นาน แต่เกิดประโยชน์มหาศาลต่อไปในอนาคต
Q : การตรวจภายใน ตรวจเพื่อคัดกรอง หรือหาโรคอะไรบ้าง
A : ตรวจโรคทางนรีเวชได้หมด อย่างเช่น โรคติดเชื้อ (ปากมดลูก มดลูก รังไข่ ช่องคลอด ปีกมดลูก), เนื้องอก, มะเร็ง (ปากมดลูก, รังไข่, เยื่อบุโพรงมดลูก) การตรวจภายในจึงเป็นการตรวจเบื้องต้น เพื่อตรวจหาความผิดปกติ ที่อาจนำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ นั่นเอง
Q : ควรตรวจภายในบ่อยแค่ไหน ที่อายุเท่าไร
A : ควรเริ่มตรวจภายใน หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เฉลี่ยที่อายุ 21 ปี ช้าสุดตอนอายุ 30 ปี โดยตรวจปีละ 1 ครั้ง แต่หากตรวจสม่ำเสมอ อาจเพิ่มความถี่ในการตรวจออกไปได้
ป้องกัน รัดกุม ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
Q : อายุเกิน 25 แล้ว ยังฉีดวัคซีนป้องมะเร็งปากมดลูกได้ผลอยู่มั้ย
A : วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก มีด้วยกัน 2 ชนิด 1.ป้องกัน 2 สายพันธุ์ 2.ป้องกัน 4 สายพันธุ์ มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุสำคัญจากการมีเพศสัมพันธ์ เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 – 26 ปี หากฉีดในช่วง 9-14 ปี ช่วงที่ยังไม่เคยทีเพศสัมพันธ์ วัคซีนจะได้ผลถึง 90% และฉีดเพียง 2 เข็ม ในกรณีผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรืออายุตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ประสิทธิภาพอาจจะลดลง ทว่ายังได้ผล และต้องฉีด 3 เข็ม
ทุกวันนี้วิธีการตรวจง่าย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เพราะคุณหมอจะทำการประเมินการตรวจที่เหมาะสมให้เราก่อนอยู่แล้วค่ะ
แพทย์หญิง ศศิวรรณ สุทัสน์มาลี
อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
หมายเหตุ : แหล่งอ้างอิงข้อมูล
*Srinagarind Medical Journal,Faculty of Medicine, Khon Kaen University
**www.hfocus.org