TOP
h

thewmtd

วรรณคดีไทย

นอกจาก ‘วันทอง สองใจ’ วรรณคดีไทยยังตีตราผู้หญิงคนไหนอีกบ้าง?

ด้วยกระแสละคร วันทอง ทำให้วลี “วันทองสองใจ” ถูกหยิบกลับมาวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง ในฐานะวลีแห่งการ Slut-Shaming ผู้หญิง เพราะวรรณคดีเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชาย

เพราะในสังคมยุคที่ผู้ชายมีสิทธิ์ผูกขาดในการเขียน ผู้หญิงใน วรรณคดีไทย จึงมักถูกวางบทบาท ให้ต้องดำเนินไปตามมุมมองของคนเขียน หากไม่ใช่ในรูปแบบของผู้หญิงที่เพียบพร้อม เหมาะสม ก็จะถูกยกให้เป็น “ตัวอย่างที่ไม่ดี” และต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของผู้ชาย (ไม่ 1 คน ก็หลายคน) อยู่เสมอ

ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่วรรณคดีไทยลดทอนคุณค่าของผู้หญิงลง แต่ยังมีนางในวรรณคดีอีกหลายคน ที่ถูกนำเสนอผ่านสายตา “ชายเป็นใหญ่” และกลายเป็นเหยื่อ กลายเป็นผู้ถูกกระทำ ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากสังคม

นางกากี เหยื่อของการ Slut-Shaming

วรรณคดีไทย กากี

ด้วยรูปโฉมที่งดงาม แถมยังตัวหอม ชนิดที่ใครแตะตัวนางก็จะมีกลิ่นติดไปอีก 7 วัน ทำให้นางกากีต้องเผชิญชะตากรรมตกเป็นของผู้ชายคนแล้วคนเล่า ด้วยความ “จำใจ” ตลอดทั้งเรื่อง

สามีคนที่ 1 :
ท้าวบรมพรหมทัต กษัตริย์ที่นางไม่ได้เลือกเอง

สามีคนที่ 2 :
พญาครุฑ ที่แม้จะถูกตาต้องใจกัน แต่พญาครุฑก็มาอุ้มนางไป โดยไม่ถามความยินยอม และยังกล่าวหาว่านางไม่รักดีอีกด้วย

สามีคนที่ 3 :
คนธรรพ์ ที่ควรจะมาช่วยนาง แต่กลับใช้อุบายบังคับให้นางต้องมีอะไรด้วย หนำซ้ำ ยังเอาเรื่องบนเตียงไปคุยอวด จนนางถูกรังเกียจจากสามีคนที่ 1 และ 2 กลายเป็นหญิง “มากกามใจพาล” ไม่รู้จักพอ

สามีคนที่ 4 :
นายสำเภาที่ช่วยนางตอนถูกลอยแพ แลกกับการต้องยอมมาเป็นเมีย แล้วผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังตกระกำลำบาก จะเลือกอะไรได้?

สามีคนที่ 5 :
โจรที่มาปล้นเรือสำเภา และฉุดเอานางไป ซึ่งสุดท้ายโจรกลุ่มนั้นก็เกิดการทะเลาะแตกคอกัน เพราะหัวหน้าโจรไม่ยอมแบ่งนางให้คนอื่น ราวกับนางคือสมบัติ ที่ทุกคนต้องแบ่งปัน

สามีคนที่ 6 :
กษัตริย์ของเมืองไพศาลี ที่นางต้องปกปิดว่าตัวเองผ่านมือชายมาแล้วหลายคน ไม่อย่างนั้นจะถูกรังเกียจ

และแม้แต่ในท้ายที่สุด นางก็ต้องกลับมาเป็นเมียของคนธรรพ์ที่ข่มเหงนางอีกครั้ง พูดได้ว่าตลอดชีวิตของนางกากี คือการต้องทนอยู่กับสามีที่ไม่เคยได้เลือกเอง แต่นางกลับถูก Slut-Shaming ว่ามักมากในกาม ยิ่งกว่านาง วันทอง ซึ่งดูๆ ไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับในสังคม ที่ตีกรอบว่าผู้หญิงไม่ควรหย่า หรือเลิกกับแฟนบ่อยๆ ทั้งๆ ที่มันก็เป็นสิทธิ์ของผู้หญิงเหมือนกัน

นางแก้วหน้าม้า ผู้ตกอยู่ใต้ค่านิยม Beauty Standard

วรรณคดีไทย แก้วหน้าม้า

กรอบความงาม หรือ Beauty Standard ในงานวรรณคดี เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ “ขนบ” ที่ตัวนางต้องสวยสด งดงาม ประหนึ่งดอกไม้แรกแย้ม นางแก้ว หรือแก้วหน้าม้า จึงกลายเป็นตัวละครที่ถูกนำเสนอให้เป็นตัวตลกอยู่เสมอ

เพราะ “ไม่สวย” จึงไม่ได้รับการยอมรับ

การล้อเลียนรูปร่างหน้าตาที่ดูผิดไปจากกรอบ ก็ยังคลาสสิกเสมอใน วรรณคดีไทย นางแก้ว ถูกเรียกว่า “แก้วหน้าม้า” เพราะมีหน้าเหมือนม้า หรือเป็นภาพที่ชาวบ้านมองว่าเหมือน รวมถึงนิสัยที่ราวกับ “ม้าดีดกะโหลก” ซึ่งไม่ตรงกับค่านิยมหญิงสาวในสมัยโบราณ ที่ต้องเรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน ทำให้นางแก้ว ถูกสามีและพ่อตารังเกียจ ถึงขั้นให้คำสั่งที่เป็นไปไม่ได้ อย่างการไปยกเขาพระสุเมรุมาภายใน 7 วัน หรือต้องตั้งครรภ์ในช่วงที่พระปิ่นทองเดินทางไกล

จะหน้าตายังไงก็ได้ แต่สุดท้ายต้องจบ “สวย”

หลังจากเผชิญวิบากกรรมต่างๆ ที่สามีและพ่อตาสรรหามากลั่นแกล้งแล้ว ในตอนจบ นางแก้วก็ได้รับพรให้กลายเป็นสาวงาม เปลี่ยนชื่อเป็น นางมณีรัตนา ได้รับการยอมรับจากพ่อตา และสุขสมหวังกับพระปิ่นทอง

แต่นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า สุดท้ายแล้ว นางก็ต้องมีความสวยตามกรอบ Beauty Standard จึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งนางเอกนั่นเอง

นางมัทนา ชะตาชีวิตที่ถูกควบคุมจาก Patriarchy (สังคมชายเป็นใหญ่)

วรรณคดีไทย มัทนา

การที่ผู้หญิง ถูกผู้ชายถูกคุกคามเพราะปฏิเสธความรัก คือหนึ่งในอำนาจ ปิตาธิปไตย ที่หล่อหลอมให้ผู้ชายหลายคน เกิดความคิดว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้ เหมือนกับเรื่องราวของ นางมัทนา จากเรื่องมัธนะพาธา (ตำนานดอกกุหลาบ)

ครั้งที่ 1 : ถูกสาป เพราะไม่รับรัก
เริ่มจากเทวดาหนุ่ม นามว่า สุเทษณ์ เกิดถูกใจต้องตานางมัทนา แต่ว่านางไม่เล่นด้วย สุเทษณ์จึงสาปให้นางลงมาเกิดเป็นดอกกุหลาบ และจะกลับเป็นสาวงามได้ เฉพาะคืนจันทร์เพ็ญเท่านั้น

ครั้งที่ 2 : ถูกสั่งประหาร เพราะความหึงหวง
ต่อมานางมัทธาได้พบรักกับท้าวชัยเสน ซึ่งก็สร้างความหึงหวงให้กับมเหสีเอก เพราะในสังคม Patriarchy ที่สามีจะมีภรรยากี่คนก็ไม่ผิด ผู้เป็นเมียหลวง จึงต้องเอาความโกรธเคืองมาลงที่เมียน้อยแทน โดยใส่ร้ายว่านางมัทนาคบชู้ ท้าวชัยเสนเชื่อ ก็สั่งประหารนางทันที

ครั้งที่ 3 : กลายเป็นดอกกุหลาบ เพราะไม่ตอบตกลง
เมื่อนางมัทนาหนีการประหารมาได้ นางก็ไปขอความช่วยเหลือจากสุเทษณ์ ซึ่งเทวดาหนุ่มก็ยื่นข้อเสนอ ให้นางกลับมาบนสวรรค์ แลกกับความรัก และเมื่อนางมัทนาปฏิเสธ สุเทษณ์ก็สาปให้นางกลายเป็นดอกกุหลาบไปตลอดชีวิต

แม้จะเป็นจุดจบอันน่าเศร้า แต่มันอาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะหลังจากนี้ นางก็ไม่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย ที่คอยชี้ชะตาเป็นตายให้นางอีกต่อไป

ถึงเรื่องราวเหล่านี้ จะถูกเขียนมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ในสังคมปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคนก็ยังถูกตีกรอบ ให้อยู่ใต้ค่านิยมทางเพศแบบนี้อยู่ วรรณคดีไทย อาจจะมีส่วนทำให้ผู้หญิงถูกลดทอนคุณค่า แต่ไม่ได้หมายความว่า มันคือตัวร้ายที่เราต้องกำจัด เราสามารถหยิบเรื่องราวเหล่านี้ มาวิพากษ์วิจารณ์ และใช้มันเป็นแรงบันดาลใจ ว่าผู้หญิง ก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างเรื่องราวของพวกเธอเองได้เหมือนกัน


_____________

อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ จากผู้หญิงสมัยนี้ :
F r i d a K a h l o จิตร กร สาว ที่ เป็ น ดั่ ง F e m i n i s t I con
จู ดี้ การ์ แลนด์ สาว น้อย จาก The Wizard of Oz: ตำ นาน แห่ง Hollywood กับ เรื่อง ‘จริง’ ที่ ปลาย สาย รุ้ง
ทำ ไม ผู้ ชาย ไม่ ใส่ “ กระ โปรง ” ว่า ด้วย ที่ มา ของ เสื้อ ผ้า และ ความ เท่า เทียม ทาง เพศ

นักเขียนสโลว์ไลฟ์ที่ติดชาเพราะดื่มกาแฟไม่ได้ ติดเกมนิดหน่อย ติดนิยายไม่มาก และชอบใช้วันหยุดไปกับการนอน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save